Work from Home

Work from Home ข้อมูลจากการสำรวจ จากผลสำเร็จของการทำงาน

Work from Home ไม่สบายอย่างที่คิด เทคนิคการทำงานจากบ้าน ให้ไม่หมดไฟ

Work from Home กลายเป็นสิ่งที่ คนในวัยทำงาน ต่างต้องพบเจอ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ซึ่งคนส่วนใหญ่ ต่างเกิดความรู้สึกเหมือนกัน ก็คือรู้สึกเหนื่อยมากกว่าเดิม ทั้งที่ได้นั่งทำงาน อยู่ที่บ้านตัวเองแท้ ๆ

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ การเกิด ความเครียดสะสม มากจนกระทบถึง สุขภาพจิต รวมถึงปริมาณของงาน ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องนั่ง อยู่ที่เดิมตลอดทั้งวัน อาจจะทำให้เวลาชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม การมีพฤติกรรมเช่นนี้ หากทำติดต่อกัน อาจจะต้องมาป่วย ด้วย ปัญหาด้านสุขภาพ อื่น ๆ แทน เนื่องจากการกินนอน ที่ไม่เป็นเวลา

คนส่วนใหญ่อาจจะ สงสัยว่าทำไม ทำงานอยู่กับบ้าน ถึงมีระยะการทำงานยาวนาน แต่ผลงานที่ได้ กลับออกมาไม่ดี ในตอนเช้าวันหยุด หลังจากการทำงาน

แทนที่จะได้นอนตื่นสาย ขึ้นอีกสักหน่อย หรือได้นั่งดูรายการโทรทัศน์ ที่ตัวเองชอบ แต่สิ่งที่เราต้องเจอ ในเช้าวันหยุด ก็คือต้องมานั่งแก้งาน เนื่องจากเจ้านาย มองเห็นว่าเรา Work From Home อยู่แล้ว

คนส่วนใหญ่ จึงเกิดความรู้สึกที่ว่า การทำงานอยู่กับบ้าน เวลาที่เราใช้ไปให้กับการทำงาน นั้นไม่ได้น้อยไปกว่า การทำงานที่ออฟฟิศเลย อีกทั้งยังใช้เวลา มากขึ้นอีกด้วย บางครั้งอาจจะ กินเวลาวันหยุด ซึ่งถือว่าเป็นเวลาส่วนตัว ที่จะต้องใช้พักผ่อน จากการทำงานมาทั้งสัปดาห์ ซึ่งผลงานกลับ ไม่ได้ออกมาดี เท่ากับตอนทำงาน อยู่ที่ออฟฟิศ

Work from Home

จากการสำรวจ ข้อมูลพบว่า การทำงานอยู่กับบ้าน ไม่ได้มีผลกระทบ ในการทำงานแต่อย่างใด แต่ก็มีข้อมูลที่ได้ สำรวจออกมาใหม่ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ซึ่งได้ทำการสำรวจ พนักงานบริษัท ที่มีชื่อเสียงจำนวน 10,000 คน พบว่าพนักงานใช้เวลา ในการทำงานเพิ่มขึ้นสูง 40% เมื่อเปรียบกับ ตอน ทำงานอยู่ออฟฟิศ และยังใช้เวลาทำงาน หลังจากเลิกงานมากกว่า 20% เลยทีเดียว

ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว การทำงานที่ใช้เวลามากขึ้น ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า จะทำให้ปริมาณของงาน ที่ทำเสร็จมากขึ้น ตามไปด้วย โดยข้อมูลจากการสำรวจนี้ หากจะคิดจากผลสำเร็จของการทำงาน โดยดูจากจำนวนผลงาน ที่ทำสำเร็จต่อ ระยะเวลาในการทำงาน ซึ่งพบว่าจำนวนงาน ที่ทำเสร็จนั้นน้อยลงถึง 30%

ซึ่งจะมีหลายปัจจัย ที่ทำให้เกิด เหตุการณ์แบบนี้ หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญก็คือ เวลาทำงานส่วนใหญ่ หมดไปกับการประชุม หรือการคุยงานอื่น ๆ ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทส่วนใหญ่จะจัดการประชุม เพื่อต้องการดูว่าพนักงาน ได้ทำงานอยู่หรือไม่ อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้พนักงาน กระตือรือร้นในการทำงาน

ส่งผลให้พนักงานใช้เวลา ที่จะตั้งใจกับงาน สักชิ้นจนสำเร็จ มีน้อยลงไปอีก เนื่องจากเมื่อจะเริ่มลงมือทำงาน ก็มักจะมีสายโทรเข้าคุยงาน มีการประชุมแทรก เร่งด่วนเข้ามา หรือต้องเตรียมข้อมูล ในการประชุมถัดไป

ไม่เพียงเท่านั้น พนักงานส่วนมาก ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม ในสถานการณ์ที่ต้องทำงานนอกเวลา ถึงแม้ว่าพนักงาน จะไม่ต้องหมดเวลา ไปกับการเดินทางก็ตาม แต่เวลาส่วนนี้ได้หมดไป กับการประชุมเพิ่มขึ้น และในพนักงานบางกลุ่ม

Work from Home

ทำงานจากที่บ้าน หรือหอพัก ก็อาจจะมีสิ่งต่าง ๆ ที่มารบกวน

อย่างเช่น เสียงจากการก่อสร้าง เสียงของสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน รวมถึงเสียงคนที่อยู่ ในที่พักด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นอุปสรรค ในการทำงานอยู่บ้านด้วยกันทั้งนั้น

ดังนั้น อุปสรรคจากการที่ต้อง Work From Home ไม่ได้มีแค่เรื่องของผลงาน ที่เสร็จออกมาเท่านั้น แต่การทำงานจาก บ้านคนเดียว ส่งผลให้พนักงาน มีพัฒนาการ ที่ลดลงด้วย เนื่องจากขาดการปฏิสัมพันธ์ กับเพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้างาน ที่จะคอยแชร์ข้อมูล แลกเปลี่ยนความคิดกัน

ถ้าไม่อยากตกอยู่ใน ภาวะที่กล่าวไปข้างต้น จะขอมาแนะนำ วิธีการปฏิบัติตัว ที่จะช่วยให้คุณนั้น ทำงานอยู่กับบ้าน โดยที่ไม่ป่วยทั้งกายและใจ แม้ว่าวิถีชีวิต จะเปลี่ยนไปก็ตาม

1. การตื่นนอน และเข้านอนให้เป็นเวลา

การตื่นนอนเวลาเดิม และเข้านอนเวลาเดิมนั้น เรียกได้ว่าเป็น สิ่งสำคัญที่สุดของช่วงชีวิตมนุษย์ เพราะการตื่นนอน และเข้านอนที่เป็นเวลา จะส่งผลถึงคุณภาพ การนอนหลับที่ดีขึ้น ถ้าหากวันไหนเกิดอยากงีบ พักสายตาช่วงกลางวัน ควรจะหลับไม่เกิน 30 นาที

2. กำหนดเวลาพักระหว่างทำงาน

หากการทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่มีเวลาพักกลางวัน เหมือนตอนอยู่ออฟฟิศ แนะนำให้ลองหาเวลาพักระหว่างงานเอง เช่น หลังจากทำงานเสร็จไปหนึ่งชิ้น หรือหลังจากจบการประชุม หากคนไหนกลัวว่า จะนั่งทำงานจนเพลิน แนะนำให้ใช้โทรศัพท์ ในการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาพัก

3. รับประทานอาหารเที่ยงให้เพียงพอ

การกินจุบจิบอยู่บ่อย ๆ อย่างเช่น ตอนที่ตกอยู่ใน ภาวะเครียด ยิ่งทำให้สุขภาพแย่มากขึ้น อีกทั้งน้ำหนักตัว ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย วิธีแก้ไขก็คือ รับประทานมื้อกลางวัน โดยเน้นอาหารที่ให้พลังงานเพียงพอ เพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงทำงาน และควรมีน้ำเปล่า คอยจิบระหว่างวันด้วย

4. ควรจัดท่านั่งทำงานที่เหมาะสม

คนส่วนใหญ่มักจะ ชอบทำงานอยู่ที่บ้าน เนื่องจากความสบาย ที่จะนั่งทำงานส่วนไหนของบ้านก็ได้ โดยเรื่องนี้พบข้อมูล ที่น่าสนใจว่า การนั่งทำงาน ในท่าที่สบายมากไป ในระยะเวลานาน ๆ ส่งผลให้ร่างกายของคุณ เกิดอาหารปวดเมื่อยได้

ท่านั่งทำงานที่เหมาะสม ก็คือ นั่งในลักษณะหลังตรง ไม่ก้มหน้า หรือเงยหน้ามากเกินไป แล้วไม่เกร็งบริเวณ คอ บ่า ไหล่ ควรจะนั่งเก้าอี้ให้เต็มก้น โดยที่ขาไม่ยกลอยจากพื้น บางคนอาจจะเอา หมอนที่นิ่ม ๆ มาหนุนไว้ข้างหลัง จะยิ่งรู้สึกสบายมากขึ้น และควรจะลุกขึ้นยืนหรือเดินบ้าง

5. หาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ควรจัดเวลาในการ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทำให้ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันได้ดียิ่งขึ้น ถือว่าเข้ากับสถานการณ์ช่วงโควิด19 ระบาดอย่างยิ่ง หรือในช่วงระหว่างวัน อาจจะลุกขึ้นยืน เพื่อบิดตัวไปมา หรือลุกขึ้นเดินภายในบ้านสัก 10-15 นาที ก็ช่วยให้ผ่อนคลายความตึงเครียด จากการทำงานได้มากขึ้น

Work from Home

6. เลิกงานให้เป็นเวลา

ถึงจะ ทำงานอยู่กับบ้าน ทำให้ไม่จำเป็นต้อง รีบออกจากที่ทำงาน เพื่อหนีการจราจรที่ติดขัด แต่ถ้านั่งทำงานล่วงเลยเวลาเลิกงานจนมืดค่ำ อาจส่งผลให้รู้สึกหมดไฟได้

แนะนำว่าควรกำหนด เวลาเลิกงานให้ชัดเจน และไม่ควรติดต่อเรื่องงาน หลังจากเวลาเลิกงานแล้ว การทำเช่นนี้จะทำให้ คุณหมดพลังไปอย่างง่ายดาย ในการทำงานวันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่พอมีการเปลี่ยน วิธีการทำงาน ก็ต้องมีอุปสรรคต่าง ๆ จึงต้องใช้เวลาในการปรับตัว อยู่สักระยะเลย

โดยเฉพาะเรื่องเปลี่ยนแปลง ขั้นตอนการทำงานทั้งบริษัท หากต้องการที่จะ ให้พนักงานสามารถ ทำงานออกมา ให้ได้ผลงานที่ยอดเยี่ยม และมีศักยภาพ ในการทำงานที่มากขึ้น

ทางบริษัทเองก็ควรจะ พิจารณาเรื่อง สมดุลเวลา ของพนักงานให้มากขึ้น เพื่อพนักงานเองจะได้มีสมาธิ ในการจดจ่อกับงานแต่ละชิ้น ดังนั้น เรื่องที่ควรแก้ไขอย่างแรก

ก็คือการตัดการประชุมที่ไม่จำเป็น เพื่อเป็นการให้เวลา กับพนักงานระหว่างวัน เพื่อที่พนักงานนั้นสามารถได้มีเวลา ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำผลงานออกมา ได้อย่างน่าพึงพอใจมากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: เกร็ดความรู้ทั่วไป

เกร็ดความรู้ทั่วไป

ติดต่อเรา: @UFA-X10

เรียบเรียงโดย อลิซ

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *