ปวดท้องไส้ติ่ง มีอาการแบบไหน มาฝึกสังเกตกันเถอะ รู้ไว้จะได้รักษาให้ทัน !!

ปวดท้องไส้ติ่ง มีอาการแบบไหน ควรศึกษาเอาไว้ รู้ไวจะได้รักษาทัน

คนไทยส่วนใหญ่ มักป่วยเป็นโรค ปวดท้องไส้ติ่ง พบได้บ่อยที่สุด เพราะเกิดขึ้นได้ ในทุกเพศทุกวัย เริ่มตั้งแต่อายุ 12 – 60 ปี หลายคนอาจไม่รู้ ไส้ติ่งแตก อาการ เป็นแบบไหนบ้าง

ในวันนี้เราจะพาทุก ๆ ท่านได้ไปศึกษา ตำแหน่งปวดท้อง ข้อมูลเกี่ยวกับวิธี สังเกต อาการปวดท้อง ไส้ติ่ง รู้ข้อมูลเอาไว้ จะได้รักษาได้ทัน ซึ่งอาการเริ่มต้น ของโรคดังกล่าว เป็นแบบไหนมาดูกัน

ปวดท้องไส้ติ่ง เกิดจากสาเหตุอะไร ?

ไส้ติ่งอักเสบ อาการเริ่มต้น มาจากการอุดตันของรูไส้ติ่ง ซึ่งอาจเกิดจากอาหาร ที่เรารับประทานเข้าไป แล้วกลายเป็นอุจจาระ ที่เกิดการแข็งตัวขึ้น แล้วไปทำให้แรงดัน ในไส้ติ่งสูงเพิ่มมากขึ้น มีการสะสมแบคทีเรีย จึงเกิดเป็นไส้ติ่งอักเสบ

นอกจากนี้แล้วยังเกิดได้จาก การอุดตันของสิ่งแปลก ๆ ที่ได้เข้าสู่ในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ก้อนเนื้องอก หนอนพยาธิ ก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน ถ้ามีอาการเหล่านี้ ควรจะรักษาเร่งด่วน ไม่งั้นอาจจะทำให้ อาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนรักษาไม่ได้

สัญญาณเตือน ! อาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ

สิ่งที่เราควรศึกษาไว้ คือ อาการเริ่มต้นของการ ปวดท้องไส้ติ่ง ว่ามีอาการแบบไหน ถ้าหากว่าวันหนึ่งเรานั้น เป็นโรคดังกล่าวขึ้นมา รู้เอาไว้จะได้รักษาทัน โดยให้สังเกตง่าย ๆ จากอาการดังนี้

♦ มีอาการปวดรอบ ๆ สะดือ

สำหรับอาการปวดรอบ ๆ สะดือ กำลังบ่งบอกได้ว่าคุณ อาจเริ่มเป็นไส้ติ่งอุดตัน ซึ่งเป็นสัญญาณการเตือน ในระยะเริ่มแรกเท่านั้นค่ะ อาการปวดรอบสะดือ จะปวดแบบเฉียบพลัน มีการจุกแน่นท้องด้วย และอาการเบื่ออาหาร

♦ ปวดเสียดท้องข้างขวา

สำหรับคนที่ถามว่าจะ ปวดท้องไส้ติ่งข้างไหน คำตอบคือ ข้างขวา ตรงบริเวณชายโครง จะมีอาการปวดเสียด เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และถ้าเคลื่อนไหวมาก เช่น เดิน ไอ จาม ในผู้ป่วยบางรายนั้น อาจมีการท้องเสีย เข้ามาร่วมอีกด้วย

♦ มีอาการไข้ หนาวสั่น

อาการปวดไส้ติ่ง ผู้ชาย และ อาการปวดไส้ติ่ง ผู้หญิง มีอาการเหมือนกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทั้ง อาการปวดท้อง อาการไข้ขึ้น จนตัวหนาวสั่น เพราะเนื่องจากว่า ได้เกิดการติดเชื้อ ถ้าหากว่าไม่ได้ รับการรักษาเร็ว ๆ อาจจะทำให้เชื้อโรค เข้าสู่กระแสเลือดได้ และทำให้เสียชีวิต

วิธีรักษาไส้ติ่ง เบื้องต้น ต้องทำยังไงดี เรามีคำตอบให้ที่นี่

ปวดไส้ติ่งกี่วัน ? ถ้ามีอาการปวดท้อง นานเกินกว่า 6 ชั่วโมง หรือ ไม่เกิน 1-2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ เฉพาะทางของโรค ไส้ติ่ง อย่างเร่งด่วนเลย แพทย์จะได้ตรวจ ว่าเป็นโรคนี้ไหม

♦ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอจะเริ่มต้นจาก การซักประวัติผู้ป่วย ตรวจเช็คร่างกาย ตรวจหาสัญญาณชีพ และตรวจเม็ดเลือด ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่นั้น จะพบเจอว่าร่างกาย มีปริมาณเม็ดเลือดขาว ที่สูงมากกว่าปกติ ทำให้บ่งบอกได้ว่า กำลังติดเชื้ออักเสบ

♦ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว ยังต้องตรวจปัสสาวะ เพื่อทำการตรวจหา เม็ดเลือดแดง และ เม็ดเลือดขาว จะนำมาสู่กระบวน การวินิจฉัยแยกโรค รวมทั้งดูภาวะขาดสมดุล น้ำภายในร่างกายด้วย ผ่านการตรวจเอกซเรย์ ซึ่งอาจจะได้แก่

» ตรวจเอกซเรย์ คอมพิวเตอร์ ซีทีสแกน

» อัลตร้าซาวด์ บริเวณช่องท้องด้วย คลื่นเสียงความถี่สูง

» ตรวจวินิจฉัยด้วย คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

ซึ่งการตรวจทั้งหมดนี้ เป็นการตรวจเพื่อแยกโรคอื่น หรือ นำมาเพื่อใช้วินิจฉัย และดูภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ด้วย

รักษาไส้ติ่งอักเสบ ด้วยการผ่าตัด จะทำให้หายขาด ไม่ต้องทนเจ็บปวด

สำหรับการรักษา โรคไส้ติ่งอักเสบ จำเป็นจะต้อง ได้รับการรักษา ด้วยการผ่าตัด เพื่อให้หายขาด จากโรคไส้ติ่งนี้ ซึ่งการผ่าตัด จะมีหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น รักษาด้วยการผ่าตัด แบบเปิดหน้าท้อง และการรักษาอีกแบบ คือ ผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก ผ่านทางส่องกล้อง

วิธีที่ได้รับความนิยม ในปัจจุบันนี้คือ การผ่าตัดผ่านกล้อง เพราะมีข้อดีในเรื่อง ทำให้เห็นไส้ติ่งชัดเจน ขณะที่กำลังผ่าตัด ผู้ป่วยเจ็บแผลน้อย และสามารถฟื้นตัว ได้เร็วมากกว่าเดิม

นอกจากนี้แล้ว อาการปวดท้อง ยังบ่งบอกถึงโรคต่าง ๆ อะไรได้อีกบ้าง ?

อาการปวดท้องหนัก ไม่ได้บ่งบอกแค่ว่า ปวดท้องไส้ติ่ง แต่ยังมีโรคอื่นอีกด้วย เช่น

♦ มะเร็งกระเพาะอาหาร ให้สังเกตอาการดังนี้

» มีความรู้สึกว่าอาหารไม่ย่อย ทำให้ไม่สบายท้อง

» รู้สึกว่ามีอาการท้องอืด หลังรับประทานอาหาร

» มีอาการคลื่นไส้ ไม่อยากทานอาหาร

» มีอาการออกแสบออกร้อน บริเวณตรงหน้าอก

อาการเหล่านี้เป็นเพียงแค่ อาการเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าคุณอยากรู้ว่าเป็น มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือไม่อย่างไรนั้น แนะนำว่าให้ไปตรวจ เพื่อผลที่แน่ชัดกว่า

♦ มะเร็งลำไส้ ให้สังเกตอาการดังนี้

» มีอาการปวดท้องเรื้อรัง ไม่หายขาดสักที

» มีอาการท้องอืดเรื้อรัง อาหารไม่ยอมย่อย

» ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือ ถ่ายเป็นสีดำ

» น้ำหนักตัวลดลงผิดปกติ มีอาการอ่อนเพลียร่วม

» คลำบริเวณท้อง จะพบเจอกับ ก้อนในท้อง มีอาการท้องผูก

อาการเหล่านี้เป็นเพียงแค่ อาการเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าอยากรู้เป็นหรือไม่ ควรไปตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อรู้ผลที่ชัดเจนกว่า หากตรวจเจอว่าเป็น จะรักษาได้ทันเวลา

และนี่ก็คือโรคร้ายแรง 2 โรค ที่เรานำมายกตัวอย่าง ถ้าว่าคุณมีอาการ ปวดท้องมาก ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณ ปวดท้องไส้ติ่ง แค่เพียงอย่างเดียว แต่สามารถตรวจเจอ โรคอื่น ๆ ก็เป็นไปได้

ดังนั้นแล้วเพื่อหลีกเลี่ยง หรือ รักษาโรคที่เป็นได้ทัน แนะนำว่าควรไปตรวจ สุขภาพประจำปีทุกปี ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะมันประโยชน์มาก ๆ สำหรับตัวของคุณเอง

และสุดท้ายนี้นะคะ หวังว่าบทความ สาระน่ารู้สุขภาพ ปวดท้องไส้ติ่ง มีอาการแบบไหน ? ที่เราได้จัดทำขึ้น จะมีประโยชน์สูงสุด ต่อคนอื่น ๆ มากมาย ไม่มากก็น้อยน๊า ♥

เรียบเรียงโดย ดอกไม้สีขาว